"ถ้าพ่อแม่คือแสงไฟ ส่องทางสว่างให้ชีวิต
พี่ๆน้องๆในห้องนี้ก็เปรียบเสมือนแสงเทียน
ที่เราจะช่วยเติมแสงไฟให้กันและกัน
ในวันที่เราสว่างไสว เราก็ลุกโชนไปด้วยกัน
ในวันที่ใครบางคนหมดไฟ พวกเราทุกคนก็จะหันเทียนไปช่วยกันเติมไฟ
ให้พลังใจแก่กันและกัน"
ในคืนวันที่ได้นั่งล้อมวง เปิดใจคุยกันกับทีมงาน Minted ทุกคนสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมพูดออกไปแบบนั้น และหมายความตามนั้นจริงๆ
เราาใช้เวลาในที่ทำงาน มากกว่าอยู่ที่บ้าน
และเราก็ถูกแวดล้อมด้วยเพื่อนๆที่ทำงาน มากกว่าจำนวนชั่วโมงที่อยู๋กับครอบครัว
ดังนั้นที่ทำงานก็เปรียบเหมือนบ้านหลังที่สอง
และคำว่าบ้าน คือที่ๆเราเดินเข้าไปแล้วสบายใจ
มีอะไร ก็คุยกันตรงๆ พูดกันดีดี
เวลามีปัญหา เราไม่จำเป็นต้องหาคนผิด
แต่ต้องช่วยกันคิด หาทางออก
เวลาเผชิญศึกหนักจากภาายนอก
เดินกลับเข้ามาในออฟฟิศ แล้วเรามักจะได้รอยยิ้มจากภายใน
เวลาได้รับแรงกดดัน เราต้องเลือกว่าจะถูกกดให้จมดิน
หรือจะเด้งกระดอนขึ้นไปให้สูงกว่าเดิม
สิ่งที่เราคิด จะมีผลต่อสิ่งที่เราทำ
สิ่งที่เราทำ จะมีผลต่อคนรอบๆข้างของเรา
ดังนั้น ถ้าอยากได้ผลลัพธ์ที่ดี ก็ต้องเริ่มจากการคิดดี
ทั้งๆที่บางครั้งมันอาจจะหาข้อดีไพี่ด้อย่างเหลือเกิน
หนึ่งคำที่ผมมักจะย้ำกับทีมงานทุกๆคนอยู่เสมอก็คือ
มาร่วมเติบโตไปด้วยกัน แม้ว่าระหว่างทางนั้นมันอาจจะมีอุปสรรคและปัญหาบ้างก็ตาม ถ้าเราสู้ทะลุผ่านมันไปได้ เราจะแข็งแรงพร้อมจะเติบโตไปอีกขั้นหนึ่งเสมอ
หาคนมาทำงาน ไม่ใช่เรื่องยาก
แต่หาคนมาร่วมงาน และใช้ชีวิตไปร่วมกัน ไม่ใช่เรื่องง่าย
โชคดีที่วันนี้ผมคนเหล่านี้เจอแล้วหลายคน และพวกเขาก็อยู่ในภาพนี้แล้วเช่นกัน
ขอบคุณทีมงาน Minted ทุกชีวิต ที่ร่วมกันสร้างบ้านหลังที่สองนี้ให้เติบโตไปด้วยกันนะครับ